Law of Warehouse Storage
โดยที่คณะปฏิวัติพิจารณาเห็นว่า การควบคุมกิจการค้าขายอันกระทบถึงความปลอดภัยหรือผาสุกแห่งสาธารณชนอยู่ภายใต้บังคับของกฎหมายว่าด้วยการควบคุมกิจการค้าขายอันกระทบถึงความปลอดภัยหรือผาสุกแห่งสาธารณชน และกฎหมายว่าด้วยการกำหนดกระทรวงเจ้าหน้าที่รักษาการตามกฎหมายดังกล่าว สมควรปรับปรุงรวมเป็นกฎหมายฉบับเดียวกันเพื่อความสะดวกในการปฏิบัติอนึ่ง ปรากฏว่าในขณะนี้ได้มีผู้ประกอบกิจการรับรองหรือรับซื้อตั๋วเงิน กิจการจัดหาเงินทุนเพื่อบุคคลอื่นและกิจการซื้อขายหรือแลกเปลี่ยนหลักทรัพย์ รวมทั้งการเป็นตัวแทนหรือนายหน้าของกิจการดังกล่าวมากยิ่งขึ้น และกิจการเหล่านี้มีลักษณะเป็นกิจการค้าขายซึ่งกระทบกระเทือนถึงความปลอดภัยหรือผาสุกของประชาชนได้ แต่กฎหมายว่าด้วยการควบคุมกิจการค้าขายอันกระทบถึงความปลอดภัยหรือผาสุกแห่งสาธารณชน และกฎหมายว่าด้วยการกำหนดกระทรวงเจ้าหน้าที่รักษาการตามกฎหมายดังกล่าวที่ใช้อยู่ในปัจจุบันยังไม่มีบทบัญญัติควบคุมการประกอบกิจการดังกล่าวข้างต้น สมควรกำหน การควบคุมกิจการนั้นไว้ในกฎหมายที่ปรับปรุงใหม่เสียด้วยในคราวเดียวกัน หัวหน้าคณะปฏิวัติจึงมีคำสั่งดังต่อไปนี้
ข้อ ๑
ให้ยกเลิก
บรรดากฎหมาย กฎ และข้อบังคับอื่นในส่วนที่บัญญัติไว้แล้วในประกาศของคณะปฏิวัติฉบับนี้หรือซึ่งขัดหรือแย้งกับประกาศของคณะปฏิวัติฉบับนี้ ให้ใช้ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับนี้แทน
ข้อ ๒
ในประกาศของคณะปฏิวัติฉบับนี้
พนักงานเจ้าหน้าที่ หมายความว่า ผู้ซึ่งรัฐมนตรีหรือผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยแต่งตั้งให้ปฏิบัติการตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับนี้
รัฐมนตรี หมายความว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงของกระทรวงที่มีอำนาจและหน้าที่ตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับนี้ หรือตามที่กำหนดไว้ในพระราชกฤษฎีกา
ข้อ ๓
กิจการดังต่อไปนี้ให้ถือว่าเป็นกิจการค้าขายอันเป็นสาธารณูปโภค
การตราพระราชกฤษฎีกาตาม (๙) ให้กำหนดกระทรวงผู้มีอำนาจและหน้าที่เกี่ยวกับกิจการนั้นด้วย
ข้อ ๔
ห้ามมิให้บุคคลใดประกอบกิจการค้าขายอันเป็นสาธารณูปโภคเว้นแต่จะได้รับอนุญาตหรือได้รับสัมปทานจากรัฐมนตรี
ข้อ ๕
เมื่อได้มีประกาศของรัฐมนตรีกำหนดกิจการอย่างหนึ่งอย่างใดดังระบุไว้ต่อไปนี้ หรือกิจการอันมีสภาพคล้ายคลึงกัน ให้เป็นกิจการที่ต้องขออนุญาต ห้ามมิให้ผู้ใดประกอบกิจการนั้น เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรี
ข้อ ๖
ในกรณีที่มีกฎหมายเฉพาะว่าด้วยกิจการตามที่ระบุไว้ในข้อ ๓ หรือ ข้อ ๕ การประกอบกิจการดังกล่าว ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยกิจการนั้น
ข้อ ๗
ในการอนุญาตหรือให้สัมปทานตามข้อ ๔ และข้อ ๕ รัฐมนตรีจะกำหนดเงื่อนไขใดๆ ตามที่เห็นว่าจำเป็นเพื่อความปลอดภัยหรือผาสุกของประชาชนไว้ด้วยก็ได้
เงื่อนไขที่กำหนดตามวรรคหนึ่ง รัฐมนตรีจะแก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมก็ได้แต่ต้องกำหนดระยะเวลาการใช้บังคับเงื่อนไขที่แก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติมตามที่รัฐมนตรีเห็นสมควร
ข้อ ๘
ให้กระทรวงการคลังมีอำนาจและหน้าที่เกี่ยวกับกิจการดังต่อไปนี้หรือกิจการที่มีสภาพคล้ายคลึงกัน
ข้อ ๙
ให้กระทรวงคมนาคมมีอำนาจและหน้าที่เกี่ยวกับกิจการการรถไฟ และการเดินอากาศ
ข้อ ๑๐
ให้กระทรวงพัฒนาการแห่งชาติมีอำนาจและหน้าที่เกี่ยวกับกิจการ การชลประทาน และการขุดคลอง
ข้อ ๑๑
ให้กระทรวงมหาดไทยมีอำนาจและหน้าที่เกี่ยวกับกิจการการรถราง การประปา การไฟฟ้า และการผลิตเพื่อจำหน่ายหรือจำหน่ายก๊าซโดยระบบเส้นท่อไปยังอาคารต่างๆ
ข้อ ๑๒
ให้กระทรวงเศรษฐการมีอำนาจและหน้าที่เกี่ยวกับกิจการประกันภัย และการคลังสินค้า หรือกิจการที่มีสภาพคล้ายคลึงกัน
ข้อ ๑๓
ให้รัฐมนตรีมีอำนาจแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ เพื่อปฏิบัติกิจการที่อยู่ในอำนาจและหน้าที่ของกระทรวงตามที่กำหนดไว้ในประกาศของคณะปฏิวัติฉบับนี้หรือพระราชกฤษฎีกา แล้วแต่กรณี
ข้อ ๑๔
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาจมอบหมายให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้ดำเนินการตามที่กระทรวงการคลังมีอำนาจและหน้าที่ตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับนี้ก็ได้
เมื่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้มอบหมายให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้ดำเนินการตามวรรคหนึ่งแล้ว ให้ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยมีอำนาจแต่งตั้งพนักงานธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ เพื่อปฏิบัติกิจการตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้รับมอบหมาย
ข้อ ๑๕
ในการปฏิบัติหน้าที่ พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจเข้าไปในสถานประกอบกิจการตามที่ระบุไว้ในข้อ ๓ หรือข้อ ๕ ในระหว่างเวลาทำการเพื่อตรวจสอบให้การเป็นไปตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับนี้หรือในกรณีที่มีเหตุอันควรสงสัยว่ามีการกระทำความผิดตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับนี้ พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจยึดหรืออายัดเอกสารหรือสิ่งของที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดดังกล่าว เพื่อประโยชน์ในการดำเนินคดีก็ได้
ในการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามวรรคหนึ่ง ให้ผู้ประกอบกิจการและผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการประกอบกิจการอำนวยความสะดวกแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ตามสมควร
ข้อ ๑๖
ผู้ใดฝ่าฝืนข้อ ๔ หรือข้อ ๕ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปีหรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ข้อ ๑๗
ผู้ได้รับอนุญาตหรือได้รับสัมปทานตามข้อ ๔ หรือผู้ได้รับอนุญาตตามข้อ ๕ ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดตามข้อ ๗ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองหมื่นบาท และในกรณีที่เป็นความผิดต่อเนื่องกัน ให้ปรับอีกไม่เกินวันละหนึ่งพันบาทตลอดเวลาที่ยังทำการฝ่าฝืนอยู่
ข้อ ๑๘
ผู้ใดขัดขวางหรือไม่ให้ความสะดวกแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ตามข้อ ๑๕ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
๑๙
บรรดาเงื่อนไขที่รัฐบาลได้กำหนดตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมกิจการค้าขายอันกระทบถึงความปลอดภัยหรือผาสุกแห่งสาธารณชน และใช้บังคับอยู่ในวันก่อนวันที่ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับนี้ใช้บังคับ คงใช้บังคับได้ต่อไป
ข้อ ๒๐
ใบอนุญาตหรือสัมปทานให้ประกอบกิจการค้าขายอันเป็นสาธารณูปโภคตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมกิจการค้าขายอันกระทบถึงความปลอดภัยหรือผาสุกแห่งสาธารณชน ซึ่งได้ออกให้ก่อนวันที่ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับนี้ใช้บังคับ คงใช้ได้ต่อไปจนกว่าจะสิ้นอายุ
ข้อ ๒๑
ให้ถือว่ากิจการประกันภัย การคลังสินค้า การออมสิน เครดิตฟองซิเอร์ เป็นกิจการที่รัฐมนตรีได้ประกาศตามข้อ ๕ แล้ว
ให้ใบอนุญาตประกอบกิจการตามวรรคหนึ่ง ซึ่งได้ออกให้ก่อนวันที่ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับนี้ใช้บังคับ คงใช้ได้ต่อไปจนกว่าจะสิ้นอายุ
ข้อ ๒๒
เมื่อรัฐมนตรีได้ประกาศให้กิจการตามข้อ ๕ เป็นกิจการที่ต้องขออนุญาตเพิ่มขึ้นจากที่ได้ประกาศไว้แล้ว ผู้ซึ่งประกอบกิจการอยู่ในวันที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด ถ้าประสงค์จะประกอบกิจการต่อไป ให้ยื่นคำขอรับอนุญาตตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับนี้ภายในหกสิบวัน นับแต่รัฐมนตรีประกาศกำหนด เมื่อได้ยื่นคำขอรับอนุญาตตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับนี้แล้ว ให้ดำเนินกิจการต่อไปได้จนกว่าผู้อนุญาตได้แจ้งให้ทราบถึงการไม่อนุญาต
ข้อ ๒๓
ข้อ ๒๔ ***
ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ ๒๖ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๑๕
จอมพล ถ. กิตติขจร
หัวหน้าคณะปฏิวัติ
*** ประกาศในราชกิจจานุเบกษา (ฉบับพิเศษ) เล่ม ๘๙ ตอนที่ ๑๕ วันที่ ๒๗ มกราคม ๒๕๑๕
อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๗ ข้อ ๑๒ ข้อ ๑๓ ข้อ ๑๕ และข้อ ๒๓ แห่งประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๕๘ ลงวันที่ ๒๖ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๑๕ ว่าด้วยการควบคุมกิจการค้าขายอันกระทบถึงความปลอดภัยหรือผาสุกแห่งสาธารณชน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ***
ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ข้อ ๒
ให้ยกเลิกเงื่อนไขควบคุมกิจการคลังสินค้า พ.ศ. ๒๕๒๖ ลงวันที่ ๑๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๒๖
ข้อ ๓
ในประกาศนี้
บริษัท หมายความว่า บริษัทจำกัดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หรือบริษัทมหาชนจำกัดตามกฎหมายว่าด้วยบริษัทมหาชนจำกัด
ผู้ประกอบกิจการคลังสินค้า หมายความว่า บริษัทที่ได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการคลังสินค้า
กิจการคลังสินค้า หมายความว่า การรับทำการเก็บรักษาสินค้าหรือการรับทำการเก็บรักษาสินค้าและให้บริการเกี่ยวกับสินค้าอื่น เพื่อบำเหน็จเป็นทางการค้า ไม่ว่าบำเหน็จนั้นจะเป็นเงิน ค่าตอบแทน หรือประโยชน์อื่นใด
คลังสินค้า หมายความว่า สถานที่ที่จัดให้มีไว้เพื่อกิจการคลังสินค้าตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด
สำนักงาน หมายความว่า สำนักงานแห่งใหญ่ หรือสำนักงานสาขาของผู้ประกอบกิจการคลังสินค้า
ข้อ ๔
ประกาศนี้มิให้ใช้บังคับแก่
* ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๐๙ ตอนที่ ๓๘ ลงวันที่ ๑๙ มีนาคม ๒๕๓๕
ข้อ ๕
การประกอบกิจการคลังสินค้าจะกระทำได้ต่อเมื่อได้จดทะเบียนเป็นบริษัท และได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการคลังสินค้าแล้ว การยื่นคำขอจดทะเบียนตั้งเป็นบริษัทตามวรรคหนึ่ง จะกระทำได้ต่อเมื่อได้รับความเห็นชอบจากรัฐมนตรีก่อน ในการให้ความเห็นชอบ รัฐมนตรีจะกำหนดเงื่อนไขบังคับให้ปฏิบัติตามที่เห็นสมควรก็ได้ การยื่นคำขอรับความเห็นชอบตามวรรคสอง ให้กระทำตามแบบ ค.ส.๑ ท้ายประกาศนี้ สำหรับกรุงเทพมหานครให้ยื่นต่อกรมการค้าภายใน ส่วนจังหวัดอื่นนอกจากกรุงเทพมหานครให้ยื่นต่อสำนักงานพาณิชย์จังหวัด เมื่อได้รับความเห็นชอบจากรัฐมนตรีตามวรรคสองแล้ว ให้ยื่นคำขอจดทะเบียนตั้งบริษัทภายในสามสิบวัน นับแต่วันที่ได้รับความเห็นชอบ และให้ยื่นคำขออนุญาตประกอบกิจการคลังสินค้าภายในเก้าสิบวัน นับแต่วันที่จดทะเบียนเป็นบริษัทแล้ว ในกรณีที่ผู้ยื่นคำขออนุญาตไม่อาจปฏิบัติตามระยะเวลาที่กำหนดในวรรคสี่ได้ให้ยื่นคำร้องขอต่ออธิบดีกรมการค้าภายใน โดยแสดงเหตุผลและความจำเป็นก่อนสิ้นระยะเวลาดังกล่าวในการนี้อธิบดีกรมการค้าภายในจะมีคำสั่งขยายระยะเวลาตามที่เห็นสมควรก็ได้ ในกรณีที่ผู้ยื่นคำขอรับความเห็นชอบหรือผู้ยื่นคำขออนุญาตไม่ดำเนินการภายในระยะเวลาตามวรรคสี่หรือวรรคห้า ให้ถือว่าผู้นั้นไม่ประสงค์ที่จะประกอบกิจการคลังสินค้าและให้อธิบดีกรมการค้าภายในจำหน่ายคำขอนั้นเสีย
ข้อ ๖
การยื่นคำขออนุญาตประกอบกิจการคลังสินค้าตามข้อ ๕ ให้กระทำตามแบบ ค.ส. ๒ ท้ายประกาศนี้ สำหรับกรุงเทพมหานครให้ยื่นต่อกรมการค้าภายใน ส่วนจังหวัดอื่นนอกจากกรุงเทพมหานครให้ยื่นต่อสำนักงานพาณิชย์จังหวัดพร้อมทั้งส่งเอกสารดังต่อไปนี้
นอกจากนี้ ให้แจ้งจำนวน ขนาด สถานที่ตั้งคลังสินค้า ตลอดจนชื่อ ประวัติทางการงานและคุณวุฒิของกรรมการและผู้สอบบัญชีด้วยเอกสารตาม (๒) (๓) และ (๔) ต้องให้เจ้าพนักงานผู้มีอำนาจหน้าที่รับรองว่าเป็นเอกสารที่ได้ทำขึ้นโดยถูกต้อง ในกรณีที่รัฐมนตรีกำหนดเงื่อนไขตามข้อ ๕ วรรคสอง ผู้ยื่นคำขอต้องส่งหลักฐานว่าได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขนั้นแล้วอีกด้วย
ข้อ ๗
เมื่ออธิบดีกรมการค้าภายในได้รับคำขออนุญาตประกอบกิจการคลังสินค้าและพิจารณาเห็นสมาควรอนุญาต ให้นำเสนอรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอนุญาต เมื่อได้รับอนุญาตแล้วให้อธิบดีกรมการค้าภายในออกใบอนุญาตเป็นสำคัญตามแบบ ค.ส. ๓ ท้ายประกาศนี้ ถ้าใบอนุญาตประกอบกิจการคลังสินค้า ชำรุด สูญหาย ถูกทำลาย หรือมีการเปลี่ยนแปลงรายการใดๆ ให้ผู้ประกอบกิจการคลังสินค้ายื่นคำขอรับใบแทนอนุญาตภายในสามสิบวัน นับแต่วันที่ใบอนุญาตชำรุด เสียหาย ถูกทำลาย หรือ เปลี่ยนแปลงรายการนั้นตามแบบ ค.ส. ๔ ท้ายประกาศนี้ ให้ผู้ประกอบกิจการคลังสินค้าแสดงใบอนุญาตประกอบกิจการคลังสินค้าหรือใบแทนใบอนุญาตไว้ ณ สำนักงานของผู้ประกอบกิจการคลังสินค้า ในที่เปิดเผยซึ่งเห็นได้ง่าย
ข้อ ๘
ผู้ประกอบกิจการคลังสินค้าต้องมีทุนที่ชำระแล้วไม่ต่ำกว่าห้าล้านบาท และต้องมีคลังสินค้าตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดและเป็นกรรมสิทธิ์ของตนเอง คลังสินค้าตามวรรคหนึ่งต้องมีลักษณะและสภาพตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้
เมื่อมีเหตุอันสมควร รัฐมนตรีจะพิจารณาเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์ตามวรรคสองให้สอดคล้องกับสภาพสินค้าเป็นรายๆ ไปก็ได้
ข้อ ๙
สำนักงานของผู้ประกอบกิจการคลังสินค้าต้องมีลักษณะและสภาพตามหลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑๐
ผู้ประกอบกิจการคลังสินค้าอาจมีสาขาได้ แต่ต้องได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีในการอนุญาตรัฐมนตรีจะอนุญาตโดยมีเงื่อนไขก็ได้ และให้นำข้อ ๗ วรรคสามมาใช้บังคับโดยอนุโลม คำขออนุญาตมีสาขาให้กระทำตามแบบ ค.ส. ๕ ท้ายประกาศนี้ สำหรับกรุงเทพมหานครให้ยื่นต่อกรมการค้าภายใน ส่วนจังหวัดอื่นนอกจากกรุงเทพมหานครให้ยื่นต่อสำนักงานพาณิชย์จังหวัด
ข้อ ๑๑
ผู้ประกอบกิจการคลังสินค้าจะดำเนินกิจการได้เฉพาะเรื่อง ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑๒
ห้ามมิให้ผู้ประกอบกิจการคลังสินค้ากระทำการดังต่อไปนี้ คือ
ข้อ ๑๓
เมื่อมีการแก้ไขเพิ่มเติมหนังสือบริคณห์สนธิ หรือข้อบังคับของบริษัท หรือแต่งตั้งเปลี่ยนแปลงกรรมการหรือผู้จัดการ หรือมอบอำนาจให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดกระทำการแทนผู้จัดการให้ผู้ประกอบกิจการคลังสินค้าแจ้งเป็นหนังสือพร้อมหลักฐานเกี่ยวกับการนั้น ต่ออธิบดีกรมการค้าภายในภายในสิบห้าวัน นับแต่วันแก้ไขเพิ่มเติม แต่งตั้ง เปลี่ยนแปลง หรือมอบอำนาจแล้วแต่กรณี
ข้อ ๑๔
การเปลี่ยนแปลงสถานที่ตั้งสำนักงานของบริษัท หรือเปลี่ยนแปลงจำนวน ขนาด ลักษณะและสภาพ หรือสถานที่ตั้งคลังสินค้า ให้ผู้ประกอบกิจการคลังสินค้าแจ้งเป็นหนังสือพร้อมหลักฐานเกี่ยวกับการนั้น ต่ออธิบดีกรมการค้าภายใน ภายในสิบห้าวัน นับแต่วันเปลี่ยนแปลงแล้วเสร็จ
ข้อ ๑๕
กรรมการของผู้ประกอบกิจการคลังสินค้าต้องถือหุ้นรวมกันไม่น้อยกว่าหนึ่งในห้าของจำนวนหุ้นที่จดทะเบียน
ข้อ ๑๖
ให้ผู้ประกอบกิจการคลังสินค้าแจ้งชนิดและปริมาณสินค้าที่รับเข้ามาและส่งออกไปจากคลังสินค้าต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ เป็นประจำทุกเดือนภายในวันที่ ๗ ของเดือนถัดไปตามแบบค.ส. ๖ ท้ายประกาศนี้
ข้อ ๑๗
ให้ผู้ประกอบกิจการคลังสินค้าจัดให้มีการตรวจสอบสินค้าทั้งหมดที่เก็บไว้ในคลังสินค้าอย่างน้อยปีละสองครั้ง คือในเดือนมิถุนายนและเดือนธันวาคม และต้องแจ้งวันทำการตรวจสอบเป็นหนังสือให้ผู้ฝาก บรรดาเจ้าหนี้ของผู้ฝาก และพนักงานเจ้าหน้าที่ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่าเจ็ดวันเพื่อให้ผู้ฝากหรือเจ้าหนี้ของผู้ฝากและพนักงานเจ้าหน้าที่มาดูการตรวจสอบได้ ถ้าหากมีความประสงค์เช่นนั้น และผู้ประกอบกิจการคลังสินค้าต้องให้ความสะดวกตามสมควรแก่บุคคลดังกล่าวในการดูการตรวจสอบ
ข้อ ๑๘
ให้ผู้ประกอบกิจการคลังสินค้าจัดให้มีบัญชีแสดงการรับและจ่ายทั้งสิ้นเกี่ยวกับกิจการคลังสินค้า บัญชีคุมสินค้าที่ทำการเก็บรักษาและบัญชีอื่นๆ ที่จำเป็นให้เรียบร้อยและถูกต้องพร้อมที่จะให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบได้ทุกเวลา
ข้อ ๑๙
ให้ผู้ประกอบกิจการคลังสินค้าส่งรายงานประจำปีแสดงฐานะการเงินและกิจการของบริษัทสำหรับรอบปีปฏิทินที่ล่วงมาแล้วต่ออธิบดีกรมการค้าภายใน ภายในหนึ่งร้อยห้าสิบวันนับแต่วันสิ้นปีปฏิทินตามแบบ ค.ส. ๗ ท้ายประกาศนี้
ถ้าปรากฏว่ารายงานประจำปีที่ส่งตามวรรคหนึ่ง ไม่ถูกต้องหรือมีรายการไม่ครบถ้วนบริบูรณ์ให้อธิบดีกรมการค้าในมีอำนาจสั่งให้แก้ไขเพิ่มเติมให้ถูกต้อง หรือครบถ้วนบริบูรณ์ภายในระยะเวลาที่กำหนดก็ได้ ถ้าผู้ประกอบกิจการคลังสินค้ามิได้ปฏิบัติตามคำสั่งดังกล่าว ให้ถือว่าผู้ประกอบกิจการคลังสินค้าไม่ได้ส่งรายงานประจำปีตามวรรคหนึ่ง
ข้อ ๒๐
เมื่ออธิบดีกรมการค้าภายในเห็นสมาควรจะสั่งให้ผู้ประกอบกิจการคลังสินค้าส่งรายงานหรือเอกสารใด ๆ เกี่ยวกับฐานะการเงินหรือกิจการของบริษัทต่ออธิบดีกรมการค้าภายใน เมื่อใดก็ได้ โดยให้กำหนดระยะเวลาที่ผู้ประกอบกิจการคลังสินค้าจะต้องปฏิบัติตามคำสั่งนั้นไว้ด้วย
ในกรณีที่ผู้ประกอบกิจการคลังสินค้าไม่อาจปฏิบัติตามระยะเวลาที่กำหนดในวรรคหนึ่งได้ให้ยื่นคำร้องขอต่ออธิบดีกรมการค้าภายใน เมื่อมีเหตุอันสมควรอธิบดีกรมการค้าภายในจะมีคำสั่งขยายระยะเวลาให้ก็ได้
ข้อ ๒๑
เมื่อปรากฏว่าผู้ประกอบกิจการคลังสินค้าใดมีฐานะการเงินที่ไม่มั่งคงหรือการดำเนินงานอยู่ในลักษณะอันอาจเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ฝาก อธิบดีกรมการค้าภายในมีอำนาจสั่งให้ผู้ประกอบกิจการคลังสินค้านั้นดำเนินการแก้ไขฐานะ หรือการดำเนินงานให้เป็นไปตามมาตรฐานการประกอบธุรกิจโดยปกติภายในระยะเวลาที่อธิบดีกรมการค้าภายในกำหนด
ข้อ ๒๒
ผู้ประกอบกิจการคลังสินค้าใดประสงค์จะเลิกประกอบกิจการคลังสินค้าให้แจ้งเป็นหนังสือต่ออธิบดีกรมการค้าภายในล่วงหน้าไม่น้อยกว่าหกสิบวันก่อนวันเลิกประกอบกิจการ
ข้อ ๒๓
เมื่อมีเหตุอันสมควร รัฐมนตรีจะประกาศกำหนดค่าบำเหน็จในการรับทำการเก็บรักษาสินค้าหรือในการให้บริการเกี่ยวกับสินค้าก็ได้
ข้อ ๒๔
เมื่อผู้ประกอบกิจการคลังสินค้ากระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ รัฐมนตรีมีอำนาจสั่งให้ผู้ประกอบกิจการคลังสินค้าเลิกกิจการและเพิกถอนใบอนุญาตได้ คือ
ข้อ ๒๕
คำสั่งเพิกถอนใบอนุญาต ให้ทำเป็นหนังสือแจ้งไปยังผู้ประกอบกิจการคลังสินค้า ผู้ถูกสั่งเพิกถอนใบอนุญาต จะขอใบอนุญาตประกอบกิจการคลังสินค้าที่ถูกเพิกถอนใบอนุญาตอีกไม่ได้ จนกว่าจะพ้นกำหนดสองปีนับแต่วันที่ถูกเพิกถอนใบอนุญาต
ข้อ ๒๖
ให้บุคคลซึ่งดำรงตำแหน่งดังต่อไปนี้ เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อปฏิบัติการตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๕๘ ลงวันที่ ๒๖ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๑๕ เฉพาะกิจการคลังสินค้า โดยให้มีอำนาจเฉพาะท้องที่ที่กำหนด คือ
ข้อ ๒๗
ให้ผู้ที่ดำเนินการประกอบกิจการคลังสินค้าซึ่งได้รับอนุญาตประกอบกิจการคลังสินค้าอยู่ก่อนวันที่ประกาศนี้ใช้บังคับ ยังคงเป็นผู้ประกอบกิจการคลังสินค้าตามประกาศนี้อยู่ต่อไป
ข้อ ๒๘
คำขอรับความเห็นชอบและคำขออนุญาตประกอบกิจการคลังสินค้า ซึ่งได้ยื่นไว้แล้วตามเงื่อนไขควบคุมกิจการคลังสินค้า พ.ศ. ๒๕๒๖ ก่อนวันที่ประกาศฉบับนี้ใช้บังคับให้ถือว่าเป็นคำขอรับความเห็นชอบและคำขออนุญาตประกอบกิจการคลังสินค้าตามประกาศนี้
ประกาศ ณ วันที่ ๕ มีนาคม ๒๕๓๕
อมเรศ ศิลาอ่อน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
Head office:
115,115/7-10 Village No. 6, Soi Suksawat 76, Bangjark,
Phrapradang, Samutraprakarn.
Bang Chak Subdistrict Phra Pradaeng District Samut Prakan Province Bangkok 10130
Tel. 0-2318-5514-5
Warehouse 1 & Wharf :
71, 71/1-9 Mhoo 1, Soi Suksawat 49, Suksawat Rd., Bangjark,
Phrapradang, Samutraprakarn.
Tel. 02-463-4280-5, 02-4626325
Warehouse 2-3 & Documentary Warehouse:
115 Mhoo 6, Soi Suksawat 76, Suksawat Rd., Bangjark,
Phrapradang, Samutraprakarn.
Tel. 02-463-0127, 02-464-1502-9
Contact :
E-Mail : sst@subsrithai.co.th
Tel : 0-2318-5514-5
Follow Us :